กรมอนามัย เปิดตัวโครงการประจำปี 2568 “เด็กฉลาดสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิด” ส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็กไทย
category: News & Event
tag: ดานอน ประเทศไทย danone
ดานอน ประเทศไทย ร่วมสนับสนุนการรณรงค์เสริมสร้างความรู้เรื่องภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
เตรียมพร้อมส่งมอบเครื่องมือสำหรับคัดกรองความเสี่ยงแบบไม่ต้องเจาะเลือดในรูปแบบการยืมแก่กรมอนามัย

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดพิธีเปิดโครงการระดับชาติประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “เด็กฉลาดสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิด” ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยทางกรมอนามัยเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการตลอดทั้งปี เพื่อส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็กไทยด้วยการให้ความรู้ด้านโภชนาการและการเลี้ยงดูที่เหมาะสม โดยมีนายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมพิธีเปิดโครงการเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการพัฒนาสุขภาวะแม่และเด็กอย่างยั่งยืน
ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ นิทรรศการให้ความรู้ การตรวจสุขภาพ และกิจกรรมสาธิตเชิงปฏิบัติ โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือพื้นที่กิจกรรมในหัวข้อ “เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก” ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของธาตุเหล็กต่อพัฒนาการสมองในช่วงปฐมวัย อาทิ:
-การสาธิตขั้นตอนการคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจาง ด้วยเครื่องมือสำหรับตรวจแบบไม่ต้องเจาะเลือด โดยดานอน ประเทศไทย
-การแจกและสาธิตการให้ยาน้ำเสริมธาตุเหล็ก “Ferrokid” สนับสนุนโดยองค์การเภสัชกรรม
-กิจกรรมสมองดีเริ่มที่อาหารมื้อแรก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มาร่วมสาธิตทำอาหารมื้อแรกสําหรับเด็ก 6 เดือน
-แนะนำชุดสิทธิประโยชน์จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำหรับการคัดกรองและเสริมธาตุเหล็กในเด็กอายุ 6–12 เดือน และ 3–5 ปี

ส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เกิดขึ้นในงาน คือความร่วมมือระหว่างกรมอนามัย และ บริษัท ดานอน สเปเชียลไลซ์ นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ดานอน ประเทศไทย ผ่านการสนับสนุนเครื่องมือสำหรับตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (IDA) โดยไม่ต้องเจาะเลือด เพื่อใช้สาธิตการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะดังกล่าวในเด็กได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับพันธกิจของดานอนเองในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ IDA ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้ในเด็กไทยมากกว่า 1 ใน 3 และอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองและร่างกายหากไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ
ภาวะ IDA เป็นหนึ่งในภาวะขาดสารอาหารที่พบบ่อยที่สุดในเด็กไทยอายุต่ำกว่า 6 ปี แต่มักถูกละเลย ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ภาวะ IDA อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการทางร่างกาย และพัฒนาการทางสมอง รวมถึงการทำงานของร่างกายและสมองของเด็ก การตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและการให้ความรู้แก่ผู้ดูแลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกัน
“โครงการนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของกระทรวงฯ และภาคเอกชนเพื่อให้แม่และเด็กทุกคนในประเทศไทยเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น” นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว “ความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชนช่วยเปิดโอกาสให้ทางหน่วยงานได้ทดลองใช้เครื่องมือและแนวทางใหม่ ๆ อย่างการคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแบบไม่ต้องเจาะเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์เชิงป้องกันและการตรวจคัดกรองในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ ดานอน ประเทศไทยยังมีแผนสนับสนุนเครื่องมือสำหรับตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (IDA) โดยไม่ต้องเจาะเลือด จำนวน 9 เครื่อง ให้แก่กรมอนามัยในรูปแบบการยืมเพื่อใช้ในโครงการฯ เพื่อให้เด็กเล็กในพื้นที่ทั่วประเทศได้รับการคัดกรองความเสี่ยงภาวะ IDA สนับสนุนการดำเนินงานของกรมอนามัยในปี 2568 ที่ให้ความสำคัญกับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ผ่านโครงการ “เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก” ซึ่งมุ่งเน้นการคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การให้ความรู้แก่ผู้ดูแล และการเสริมธาตุเหล็ก เพื่อสนับสนุนพัฒนาการของเด็กไทยอย่างเป็นระบบ 
“ดานอน ประเทศไทย ภูมิใจที่ได้ร่วมสนับสนุนกรมอนามัยในโครงการระดับชาติประจำปี 2568 นี้” นาย Danish Rahman ผู้จัดการทั่วไป จากดานอน ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “บริษัทฯ สนับสนุนให้เกิดความตระหนักรู้และการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะ IDA ผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอด และรู้สึกยินดีที่เห็นประเด็นสำคัญนี้ได้รับความสนใจในระดับประเทศมากยิ่งขึ้น การเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้และการสนับสนุนเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงภาวะ IDA เพื่อใช้ในระหว่างโครงการฯ ของกรมอนามัยเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของดานอนเพื่อให้เด็กๆ ในระดับภูมิภาคได้รับตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะ IDA ตั้งแต่เนิ่น ๆ และรับการรักษาได้ทันท่วงที ตามแนวทางการดำเนินงานของบริษัทที่เราเรียกว่า Danone Impact Journey ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพผ่านการดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและการสนับสนุนโภชนาการที่เหมาะสมมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วง 1,000 วันแรกของชีวิต” 
การมีส่วนร่วมของดานอน ประเทศไทยในครั้งนี้ ตอกย้ำความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อลดจำนวนเด็กมีภาวะ IDA ในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือ การให้ความรู้ และนวัตกรรม เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของเด็กไทย
เกี่ยวกับดานอน
ดานอน เป็นบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชั้นนำระดับโลก โดยมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใน 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมและแพลนต์เบส น้ำ และโภชนาการเฉพาะทาง ดานอนมีวิสัยทัศน์คือ “สุขภาพของผู้คนและสภาวะของโลกเชื่อมโยงถึงกันและกัน” ที่ขับเคลื่อนให้เราสนับสนุนการบริโภคเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นและยั่งยืนขึ้น เพราะเราเชื่อว่าสุขภาพของพวกเราทุกคนส่งผลกับสุขภาพของโลกและความสุขของชุมชน ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ดานอน และกระบวนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ของเราจึงมีจุดยืนที่เป็นเอกลักษณ์ในการส่งต่อความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสุขภาพของผู้บริโภค สังคม และโลกของเรา ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ Danone Impact Journey ที่ดานอนให้ความสำคัญและมีแนวทางปฎิบัติเพื่อความยั่งยืนด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และผู้คนรวมถึงชุมชน ในตลอดกระบวนการในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย จากเกษตรกรและชุมชน ผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา ส่งต่อถึงผู้บริโภคและครอบครัว ภายในปี 2568 ดานอนมีเป้าหมายในการเป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติ (multinational company) กลุ่มแรกที่ได้รับการรับรอง B Corp™ ในระดับโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านโภชนาการ บุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อม
ดานอน ประเทศไทย
บริษัท ดานอน สเปเชียลไลซ์ นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ทำหน้าที่มอบโภชนาการที่สำคัญให้แก่คนไทยหลากหลายช่วงวัยมาเป็นเวลากว่า 65 ปีแล้ว ภายใต้แบรนด์ “ไฮคิว” ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลก และแบรนด์ “ดูเม็กซ์” ที่อยู่คู่กับชาวไทยมานาน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ พัฒนามาจากนวัตกรรมด้านโภชนาการเฉพาะทางที่ทันสมัยที่สุด ดานอน ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านการลงทุนทั้งในด้านทรัพยากรบุคคลและโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท เช่น โรงงานของดานอนในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่เป็นโรงงานที่ผลิตเพื่อกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนั้น ดานอน ประเทศไทยยังได้รับการรับรอง B Corp™ สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านโภชนาการ บุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อม
|