category: Health

พ.ญ.สิรกานต์ เตชะวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โภชนาการ จากโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า และมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย ภาวะโภชนาการที่ถูกต้องและเหมาะสม ย่อมส่งผลให้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งมีประสิทธิผลดีอย่างชัดเจน โดย พ.ญ.สิรกานต์ กล่าวว่า

          “การรักษาโรคมะเร็งจะได้ผลดีกับผู้ป่วยที่มีภาวะโภชนาการที่ดี   นั่นหมายความว่า  ผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้ดี  ย่อมสามารถต่อสู้กับอาการข้างเคียงจากการรักษา  และช่วยให้สามารถรับมือกับปริมาณยารักษาบางตัวในระดับสูงๆ ได้   สำหรับการได้รับโภชนาการที่ดี   ก็คือการได้รับประทานอาหารที่มี ความหลากหลาย  ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพื่อนำไปใช้ในการปกป้องสุขภาพระหว่างที่ ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง  ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต  ไขมัน  น้ำ วิตามิน และเกลือแร่ โดยเฉพาะโปรตีน สารอาหารที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องการมากที่สุด  เพราะหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัด  ให้ยาเคมีบำบัด  หรือฉายรังสี แล้ว  ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้สารอาหารจำพวกโปรตีนในการรักษาเนื้อเยื่อในร่างกายและต่อสู้กับการติดเชื้อหรืออักเสบ ดังนั้นหากผู้ป่วยขาดโปรตีน  ร่างกายจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นตัวจากโรคและการรักษา  รวมทั้งมีความต้านทานในการเกิดการอักเสบต่ำอีกด้วย  
       

             สำหรับอาหารที่ให้โปรตีนได้แก่  เนื้อสัตว์ต่างๆ  โดยเฉพาะเนื้อปลา  ผลิตภัณฑ์จากนม  เต้าหู้และจำพวกถั่วต่างๆ   เช่น  ถั่วเปลือกแข็ง (nuts)  ถั่วฝักแห้ง(dried beans)  ถั่วฝักเมล็ดกลมหรือพี(peas)  ถั่วเมล็ดแบน เลนทิลส์(lentils) ส่วนคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งให้พลังงานหลักสำหรับร่างกาย  โดยแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดีที่สุดคือ  ผัก ผลไม้ และโฮลเกรน หรือธัญพืชเต็มเมล็ด  ซึ่งอาหารเหล่านี้ยังให้วิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย  คือ ไฟเบอร์ และไฟโตนูทรียน สำหรับเซลล์ของร่างกายด้วย นอกจากนี้ไขมันก็มีบทบาทที่สำคัญในด้านโภชนาการเช่นกัน โดยไขมันและน้ำมันผลิตจากกรดไขมันและเป็นแหล่งที่ให้พลังงานต่อร่างกายอย่างเข้มข้น  สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ  และระดับคอเรสเตอรอลสูง  

            ควรเลือกรับประทานอาหารประเภทไขมันไม่อิ่มตัว เช่น  น้ำมันพืช  น้ำมันคาโนลา น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วพีนัท น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น น้ำเป็นตัวช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดี  ถึงแม้ว่าเราจะได้รับน้ำจากอาหารที่รับประทานเข้าไปตามปกติแล้ว แต่อย่างน้อยควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ต่อวัน  สำหรับวิตามินและเกลือแร่นั้นเป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยให้ร่างการเจริญเติบโตและแข็งแรง  ได้แก่ วิตามิน A , C และ E  ธาตุเหล็ก  แคลเซียม และโซเดียม ซึ่งการรับประทานอาหารของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ในระหว่างการรักษาและหลังการรักษาแล้วไม่ได้มีข้อแตกต่างกันในส่วนของประเภทหรือสารอาหารใดๆทั้งสิ้น  เพียงแต่อาจมีความแตกต่างกันในส่วนของปริมาณที่ร่างกายต้องการเท่านั้น ซึ่งหากผู้ป่วยรับประทานอาหารอย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างครบถ้วน  ”