category: Lifestyle
tag: อิทธิพล สมุทรทอง  วิ่่งมาราธอน  42.195 k club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน

บางครั้งเป้าหมายไม่สำคัญเท่ากับระหว่างทาง เพราะบางอย่างมีความหมายต่อจิตใจ ครั้งหนึ่งที่นักวิ่งอย่างพี่ป๊อก ได้เจอในการแข่งขัน HONGKONG VIBRAM 100 KM ด้วยความเหนื่อยล้าหรืออะไรก็ตามแต่

หากจะพูดถึงแค่ชื่อของพี่ป๊อก ในสังคมนักวิ่งอาจจะเป็นที่รู้จักไม่มากก็น้อย แต่งานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศคือ โครงการ ก้าวคนละก้าว ของตูน บอดี้แสลม ตลอดระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เขาคนนี้ถือเป็นเฟืองหลักสำคัญที่ผลักดันให้ฝันของตูน ไปถึงยังจุดหมายปลายทาง พี่ป๊อกไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็น Pacer (เพเซอร์) ยังคอยดูแลทุกอย่างทั้งในและนอกสนาม เป็นผู้วาง route ตั้งแต่กรุงเทพจนถึงหัวหิน พร้อมทีมงานอีกกว่า 30 ชีวิตที่ผลักดันให้โครงการที่ยิ่งใหญ่นี้ลุล่วงไปได้ 

“ผมรู้จักกับพี่ตูนในฐานะแฟนคลับธรรมดาคนหนึ่ง เคยเจอแบบผ่านๆ ทักทายกันตามงานวิ่ง พอดีผมเป็นแอดมินกรุ๊ป '42.195 Kclub เราจะไปมาราธอนด้วยกัน' มีครั้งหนึ่งจะทำ Facebook Live เลยโหวตว่าในกรุ๊ปอยากฟังใคร เพื่อนๆ โหวตให้ Live พี่ตูน ซึ่งพี่ตูนเป็นคนไข้หมอเมย์ (พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์) หนึ่งในแอดมินเลยประสานไปทางโทรศัพท์ พี่ตูนก็ยินดีมาก พอพี่ตูนบอกผมว่าอยากทำโครงการวิ่งเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลบางสะพาน รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ ตกปากรับคำทันที ผมยินดีช่วยให้คำปรึกษาเต็มที่ในฐานะคนที่เคยวิ่งระยะไกลมาก่อน ร่วมมือกับหมอเมย์ ช่วยกันแพลนให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วง ทั้งที่จริงๆ ตอนนั้นยังไม่ได้คิดปลายทางไว้จะได้ยอดเงินบริจาคเท่าไหร่ยังไง แต่รู้ว่ามันเป็นฝันที่พี่ตูนอยากทำและถ้าเรามีส่วนในการทำเพื่อคนอื่นขนาดนี้ ทำไมเราจะไม่ทำละ”

ลมใต้ปีกสำคัญเพราะเป็นแรงผลักดันถึงให้ถึงเส้นชัย

“ตำแหน่งจริงๆ ของเราไม่อาจระบุได้นะ ผมเรียกตัวเองว่าตำแหน่ง ‘กองหน้าผ้าเย็น’ แต่ความหมายที่แท้จริงมันอยู่ในใจผมว่าเราทำไปทำไม เพื่ออะไร ความรู้สึกของผมคือผมต้องคอยช่วยเหลือคนนี้ เพื่อให้คนคนนี้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นักวิ่งหลายคนเห็นผมมาวิ่งกับพี่ตูนก็อยากมาวิ่งด้วย แต่ถ้ามองเป้าหมายจริงๆ แล้วไม่ได้เน้นจำนวนคนที่มาวิ่งด้วยมากมาย เพราะการวิ่งบนถนนหลวงต้องการขบวนที่เล็กที่สุดต้องการความคล่องตัวที่สุด ผมว่ามันมาได้ไกลขนาดนี้เพราะได้ศิลปินดาราช่วยกระจายข่าวด้วย ในการพาร์ทของการทำงานพี่ตูนมีโจทย์ให้ผมว่า ถ้าเขาล้มอยากให้มีแพทย์มาช่วยเหลือเขาได้ภายใน 2 นาที ผมจึงเตรียมทีมแพทย์อาสาสมัครจากเพื่อนนักวิ่ง คุณสมบัติคือต้องเป็นนักกีฬาวิ่ง ไตรกีฬาก็ได้ ตอนวิ่งจริงพี่ตูนอยู่ซ้าย ผมอยู่ขวา หลังพี่ตูนเป็นหมอหนึ่งคนคอยดูการเต้นหัวใจ ที่ต้องอยู่ด้านขวาเพราะต้องบังพี่ตูนถ้ามีรถมาชนผมก่อน อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการวิ่ง 400 กิโลเมตรคือกล้ามเนื้อสลาย ต้องเตรียมทีมหมอเพื่อตรวจเลือดตอนวิ่งครบ 100 กิโลเมตร ดูค่าการสลายกล้ามเนื้อแล้วเพิ่มสารอาหารเข้าไปช่วยแก้ สำหรับสิ่งสำคัญในเป้ผมคือ กระบอกน้ำ เจลพลังงาน BCAA (Branched Chain Amino Acid) หรือสารที่ต้องกินเพื่อให้กล้ามเนื้อไม่สูญหายไป เกลือแร่แบบเม็ด โซดามินต์ สูตรนี้ต้องกินทุก 2.5 กิโลเมตร มีการให้น้ำ ทุกครึ่งวัน แต่ถึงเวลาจริงก็ไม่ได้เป๊ะมาก ใช้หลักว่าผมวิ่งไปข้างพี่ตูนตลอด ดูระยะทางที่ประเมินว่าควรให้ดื่มน้ำหรือยัง ผมเป็นแค่คนที่วิ่งอยู่ข้างหลัง คอยสนับสนุน จะไม่มีภาพความสำเร็จของผม เพราะนี่เป็นโครงการของพี่ตูน”

เบคแฮมวงการนักวิ่งมาราธอน

อาจฟังดูเขินๆ บ้างสำหรับเจ้าตัวเหมือนได้ยินฉายานี้ ซึ่งเป็นคำที่ตูน เคยพูดแซวพี่ป๊อกเมื่อได้เจอกัน 

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เป็นการแซวเล่นๆ ขำๆมากกว่า ถามว่าจุดเริ่มต้นของการวิ่งพี่ป๊อกก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ เริ่มวิ่งเพื่อออกกำลังกายที่สวนจิตรลดา ก่อนจะวิ่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2527 ในงาน “PAN 10 K” ระยะทาง 10 กิโลเมตร ที่จังหวัดสุรินทร์ วิ่งมาเรื่อยๆ จนถึงมาราธอนแรกที่งาน Royal Marathon มาราธอนลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติเปิดสะพานแขวนพระราม 9 พี่ป๊อกจบด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 3 นาที รู้สึกว่าอยากท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ มันเหมือนเราผ่านจุดพีคมาได้แล้ว จากนั้นเขยิบไปวิ่งอัลตร้ามาราธอนครั้งแรกในระยะทาง 50 กิโลเมตรที่งานอัมพวา นอร์ทเฟส และที่นี่เองที่เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนชีวิตการวิ่งของพี่ป๊อก 

ที่งานอัมพวา นอร์ทเฟส พี่ป๊อกได้รู้จักกับเพื่อนนักวิ่งต่างชาติหลายคน จนได้มาเห็นบัฟหรือผ้าโพกหัวเอนกประสงค์จากการแข่งขัน HONGKONG VIBRAM 100 KM ชอบมากอยากได้ จึงติดต่อไปว่าต้องทำยังไงถึงจะได้ ซึ่งคำตอบที่ได้มาก็ง่ายมากคือแค่วิ่ง! และเมื่อคุณ “สมัคร” คุณจะได้มัน ด้วยเหตุผลง่ายๆ เท่านี้เองทำให้พี่ป๊อกบินไปฮ่องกง เพื่อลงวิ่งระยะทาง 100 กิโลเมตร เพียงเพราะอยากได้บัฟผืนเดียว แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นี่เป็นการมาครั้งที่ 2 กับกลุ่มนักวิ่งอีก 100ชีวิต  ตอนนั้นเวลาประมาณตี 2 พี่วิ่งจนถึง check point ที่ 7 จำได้ว่ามีเด็กๆ โรงเรียนนานาชาติซึ่งรับผิดชอบจุดให้น้ำมาคอยให้กำลังใจคนที่วิ่ง พอเราวิ่งไปเด็กๆ ก็เข้ามากอดเรา เข้ามาให้กำลังใจเราแล้วบอกว่าเชียร์อัพๆ จากตอนแรกแทบจะเดินไม่ไหวแล้วเพราะพี่วิ่งมาเป็นสิบโลในป่า แต่พอเราได้ยินและโดนกอดมันเหมือนมีพลังเข้ามาในตัวเราเลย ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในการวิ่งที่บางสะพาน พี่กับพี่ตูนมีโมเม้นท์ที่แบบเล่าไปแล้วจะร้องไห้ทุกครั้ง  กับกำลังใจจากคนตัวเล็กๆ เช่นวันหนึ่งมีเด็กน้อยแข่งเทควันโดชนะ แล้วกำเงินมาส่งให้พี่ตูนเองกับมือบอกผมเอามาบริจาคให้หมดเลยครับ นาทีนั้นมันดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ต่อให้ล้มไปแล้วยังลุกขึ้นมาวิ่งได้ต่อ มันดีต่อใจจริงๆ ครับ”

บัฟ...บททดสอบของใจที่มุ่งมั่นและกรุ๊ป 42.195 k club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน 

“จากการวิ่งมาเกือบสามสิบปีทำให้พี่ป๊อกรู้ว่าในประเทศไทยมีนักวิ่งมาราธอนจำนวนมาก เลยเป็นที่มาของการตั้งกรุ๊ป “42.195 k club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน” ในเฟสบุ๊คเพื่อแบ่งปันข้อมูลให้กับนักวิ่งมาราธอนหน้าใหม่และหน้าเก่า รวมถึงคอยเป็นทั้งแรงบันดาลใจและให้กำลังใจกับคนที่เริ่มวิ่งและคนที่ท้อแท้กับการวิ่ง พี่ชอบบัฟมาก ทีนี้ใครผ่านมาราธอนแรกในชีวิตพี่ให้บัฟเพื่อแสดงความยินดีเลย

และจากการแจกบัฟก็เป็นที่มาของการตั้งกรุ๊ปแบ่งปัน(ให้เลย) แลกเปลี่ยน ซื้อขายอุปกรณ์ "วิ่ง" ขึ้นมาอีกหนึ่งกรุ๊ปเพื่อให้นักวิ่งจากทั่วประเทศส่งต่อของที่ไม่ใช้แล้วให้กับนักวิ่งคนอื่นๆ ต่อไป โดยมีรายได้จากการประมูลอุปกรณ์กีฬาเพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลรามาธิบดี ถึง  140,000 บาท สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความอบอุ่นในโลกโซเชียลที่ส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับสังคมและพี่ป๊อกก็ยืนยันว่ายังจะทำต่อไป..ยังจะวิ่งต่อไปจนกว่าจะไม่มีแรงครับ 

แม้ความเชื่ออาจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่มันเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่ คงมีเฉพาะนักวิ่งเท่านั้นที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน เราจะตื่นเช้ามืดมาเพื่อเหนื่อยไปทำไมกัน จะวิ่งเป็นสิบๆ กิโลด้วยความเหนื่อยแสนเหนื่อยไปทำไมกัน แต่คุณอยากรู้มั้ยละว่าหลังเส้นชัย เป้าหมายที่ตั้งใจไว้นั้น มีความหมายมากแค่ไหน  ความสุขที่ได้รับมันมีค่ามหาศาลมากจริงๆ...ถ้าใจบอกอยากวิ่งแล้ว ทำเลยรออะไร…

กรุ๊ปที่เป็นแรงบันดาลใจให้นักวิ่งหน้าใหม่ 42.195 k club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน คลิ๊กเลย  https://www.facebook.com/groups/233347630179372/